วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เจาะข่าวเด่น สัมภาษณ์ครอบครัว เอ็กซ์ จักรกฤษณ์


และเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (21 ตุลาคม 2556) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการเจาะข่าวเด่น ก็ได้เดินทางไปเคารพศพของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พร้อมกับสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวหลังจากที่เอ็กซ์ออกจากเรือนจำและเหตุการณ์ก่อนที่เอ็กซ์จะเสียชีวิต

            โดยคุณพ่อของเอ็กซ์กับเอ็กซ์นั้นไม่ได้คุยกันมาหลายปี และเพิ่งจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมหลังจากที่มีคดีความเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งคุณพ่อเผยว่า ลูกเค้าดีขึ้น กลับเนื้อกลับตัว และเขาก็รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือครอบครัว คือลูกเมียของเขา เขารักลูกเมียมาก เขาอยากกลับมาจุดเริ่มต้นมาสัมผัสความรักที่อบอุ่นอีกครั้ง ส่วนตัวของตนเองช่วงหลัง ๆ ก็ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น บางทีเขาก็เข้ามากอด เข้ามาหอมแก้ม พูดคุยกันมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้บอกเรื่องปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้เขาต้องกลัวหรือว่าต้องระมัดระวังตัวเองเลย คุยแต่เรื่องคดีความที่เกิดขึ้น ตนบอกเขาว่าสิ่งใดที่เราผิดเราก็ต้องรับผิดชอบ แต่สิ่งที่เราไม่ผิด เราก็ต้องสู้กันต่อไป...

            คุณพ่อเท้าความไปยังก้าวแรกของเส้นทางการเป็นนักกีฬายิงปืนทีมชาติของลูกชาย ให้ฟังว่า.. เขาหัดยิงปืนตั้งแต่เล็ก และมาเล่นปืนจริงจังตอนอายุ 13 ซึ่งตอนอายุ 15 เขาก็ติดทีมชาติเลย สิ่งพิเศษที่เขามีและทำให้เขาติดทีมชาติ ก็คือหัวใจที่เด็ดเดี่ยวมั่นคง เอาจริงเอาจัง และจะทำอะไรแล้วต้องเป็นที่ 1 เท่านั้น ตอนเด็ก ๆ เอ็กซ์เข้ามากราบเท้าตน บอกว่า ป๊า.. ผมอยากยิงปืน ซึ่งตนก็ถามว่าจริงเหรอ เขาก็บอกว่าจริง..ป๊าสอนผมนะ ตนก็บอกกับเขาว่า ขอเวลาแค่ 2 ปี ตนจะปั้นเอ็กซ์ให้เป็นที่หนึ่งของเมืองไทย และเอ็กซ์ก็ทำได้จริง ๆ สำหรับการเป็นทีมชาติของเอ็กซ์นั้น เขาเป็นนักยิงปืนที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง คนอื่นอาจจะเก่งแค่ปืนเดียว แต่เขาเก่งทั้งหมด 5 ปืน ไม่มีใครสู้เขาได้เลย...


            เจาะข่าวเด่น ย้อนหลัง (21 ตุลาคม 2556) เปิดใจครอบครัว เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เอ็กซ์ออกมาจากเรือนจำ พร้อมเผยเหตุการณ์ก่อนเสียชีวิต

            จากเหตุการณ์ที่ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬามือปืนทีมชาติไทย ถูกลอบยิงอาการสาหัสจนกระทั่งเสียชีวิต ขณะขับรถไปหาภรรยาเพื่อทานข้าวเย็นด้วยกัน โดยเหตุเกิดบริเวณหน้าปากซอยรามคำแหง 166 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัวของเอ็กซ์ และสร้างความหดหู่ให้กับผู้ที่ติดตามข่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ เอ็กซ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะกลับมาทำให้ครอบครัวอบอุ่นเหมือนเดิมให้ได้ เพราะรู้แล้วว่าความรักจากครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในชีวิต...

 ด้านพิธีกรได้ถามหมอนิ่ม (พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ) ภรรยาของเอ็กซ์ เกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เอ็กซ์ออกจากเรือนจำ โดยหมอนิ่มเล่าว่า ช่วงหลังพี่เอ็กซ์มาเจอเกือบทุกวันเลย ส่วนตนก็ถอนแจ้งความเกี่ยวกับพี่เอ็กซ์ไปทุกคดีแล้ว พอหลังออกจากเรือนจำ เราก็โทรคุยกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ตอนแรก ๆ ก็ไม่ได้เจอกันบ่อยนัก ส่วนหลัง ๆ ก็ไปมาหาสู่กันมากขึ้น แวะไปหาลูกที่โรงเรียน มาหาลูกที่บ้านไม่ถึงกับทุกวัน แต่ก็เรียกว่ามาบ่อย ๆ

            "เรานัดไปข้างนอกด้วยกันแต่ก็ไม่ได้ไปกันสักที ส่วนวันเกิดเหตุ นิ่มกับพี่เอ็กซ์พาลูกไปกินแมคโดนัลด์ที่อมารี ตอนบ่ายสอง เพราะลูกชอบที่นั่น ระหว่างทางกลับบ้านพี่เอ็กซ์ก็คุยกับลูกว่า ป๊าจัดห้องใหม่ให้ลูกแล้วนะ ไปดูกันไหม ลูกก็อยากไปนะ แต่นิ่มติดงานตอนเย็น ยังไม่สะดวกจะไป เลยบอกเขาว่าถ้าทำงานเสร็จเดี๋ยวพาลูกไปกินข้าวที่บ้านของพี่เอ็กซ์ พอเลิกงานประมาณ 6 โมงครึ่ง เขาก็ไลน์มาบอกว่า หลอกพี่หรือเปล่า ที่จะมากินข้าวที่บ้าน นิ่มก็พิมไลน์บอกว่าจะออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ออก สักพักแม่ของนิ่มก็บอกว่ามันมืดแล้วอย่าเพิ่งไปเลย นิ่มเลยโทรไปหาพี่เอ็กซ์ บอกว่า มืดแล้ว เดี๋ยวไปเจอกันวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดของนิ่ม แต่เขาก็งอแง นิ่มเลยบอกว่าหรือจะมากินข้าวที่บ้านนิ่ม พี่เอ็กซ์ก็ตกลง...และพี่เอ็กซ์ก็มาไม่ถึง แล้วก็เกิดเหตุตามที่ทุกคนทราบ" หมอนิ่ม กล่าว

            หมอนิ่ม เล่าต่อว่า ตนได้ให้หวานซึ่งเป็นคนใช้ติดรถพี่เอ็กซ์มาด้วย เพราะเขาจะมาหาพี่สาวซึ่งเป็นคนรับใช้บ้านตนเหมือนกัน ตอนนั้นหวานได้โทรหาพี่สาวของเขา พี่สาวก็วิ่งเอาโทรศัพท์มาให้ตน และบอกว่าพี่เอ็กซ์โดนยิง ตอนนั้นตนจะเป็นลม แต่ก็คว้ากุญแจรถขับออกมาเลย เมื่อถึงจุดที่เกิดเหตุ ตนก็เห็นพี่เอ็กซ์นอนนิ่งไม่หายใจ จับชีพจรที่คอ ก็เรียกกู้ภัยให้เอาเครื่องช่วยหายใจมา ซึ่งตนเป็นคนทำเองทั้งหมด แต่เครื่องมือในรถกู้ภัยไม่มี ตนเลยตะโกนบอกว่าให้เอาคนเจ็บลงจากรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นตาย แล้วก็ปั๊มหัวใจให้พี่เอ็กซ์ นั่งรถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที...และพูดตลอดทางกับพี่เอ็กซ์ว่า ตื่น..ตื่นสิ ตื่น ๆ ในใจไม่ได้อยากคิดอะไรเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่าพี่เอ็กซ์ต้องไป

ด้านคุณแม่หลังจากที่ทราบข่าวว่าลูกถูกยิง และเป็นตาย 50/50 นั้น ก็เผยว่า ตนไม่ได้ตั้งความหวังอะไร เพราะนิ่มบอกว่ายิงถูกเส้นเลือดใหญ่ เลยรู้ว่าลูกต้องไปแน่นอน ก่อนเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านของตน แต่ตนให้พ่อไปอยู่เป็นเพื่อนลูก แต่เพิ่งกลับบ้านมานอนกับตนได้คืนเดียว ซึ่งวันนั้นเขาก็เพิ่งถ่ายรูปหลานส่งทางไลน์มาให้ตนดู แล้วก็ถามตนว่าดูรูปหลานหรือยัง ตนก็ตอบว่าดูแล้วน่ารักจังเลย สักพักพ่อเขาก็โทรไปหา เขาก็เล่าว่ากำลังกินข้าวกับลูก แล้วเขาก็คุยกับตนแซวตนเรื่องเล่นไลน์ บอกว่าเดี๋ยวนี้แม่ทันสมัยจัง
  
            ส่วนคุณพ่อเล่าให้ฟังว่า บ้านที่ ซ.รามคำแหง 174 เอ็กซ์ตกแต่งและต่อเติมด้วยความสามารถของเขาเอง สวยน่าอยู่เลยทีเดียว คือเขาบอกว่าอยากจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ขณะที่หมอนิ่มก็บอกว่าเข้าไปบ้านที่เขาแต่งใหม่หลายครั้งแล้ว พอไปส่งลูกก็เขาไปหาพี่เอ็กซ์ และก็เคยคุยกันว่าถ้าบ้านเสร็จเมื่อไรจะกลับมาอยู่ด้วยกัน ส่วนเรื่องที่ผ่านมา ตนคิดว่าต้องมั่นใจและให้โอกาส และสิ่งที่สัมผัสได้หลังจากที่พี่เอ็กซ์ออกมาจากเรือนจำคือ พี่เอ็กซ์ใจเย็นมากขึ้น จากที่ไม่เคยขอโทษก็รู้จักคำว่าขอโทษ แต่สาเหตุที่ตนยังไม่ย้ายไปอยู่ ก็อยากให้เข้าใจในครอบครัวของตนบ้าง เพราะตนต้องอยู่กับแม่ และตนเป็นลูกคนเดียว จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้แม่ของตนไม่สบายใจ คราวนี้ตนจะทำตามใจตัวเองคนเดียวไม่ได้ ต้องให้เวลาแม่ตนด้วย เพราะแม่ตนค่อนข้างเป็นห่วง.. ส่วนตนนั้นถ้าไม่ให้โอกาส ตนคงไม่ไปหาเขาหลังจากเกิดเรื่อง ถ้าถามว่ารักพี่เอ็กซ์ไหม ตนรัก..รักอยู่แล้ว

            นอกจากนี้ หมอนิ่ม ยังกล่าวถึงมุมน่ารัก ๆ ของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ให้ฟังว่า.. ในวันเกิดปีแรกที่เราคบกัน เขาให้แหวนตนเพราะตนบอกว่าอยากได้ แต่วิธีให้เค้าไม่เหมือนใคร เขาให้แก้วน้ำดื่มพลาสติกแล้วใส่แหวนไว้ที่หลอด ตนกินเสร็จจะทิ้ง แต่ลูกน้องและคนที่อยู่ด้วยก็ลุ้น ๆ ให้ตนเห็นแหวนวงนั้น ส่วนเขาก็พยายามชี้ มันเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้ตนประทับใจ

            ท้ายนี้ คุณแม่ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเอ็กซ์ว่า "ลูกไปสบายแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไร มีหลานแม่จะช่วยดูแลอย่างดี" ส่วนคุณพ่อกล่าวทั้งน้ำตาว่า "ลูกเหนื่อยมามากแล้ว หลับไปนะ หลับให้สบาย" ขณะที่หมอนิ่ม กล่าวว่า.. ไม่ต้องห่วงลูก และสิ่งใดที่พี่เอ็กซ์อยากให้ทำ ก็จะทำตัวอย่างนั้นเหมือนตอนพี่เอ็กซ์อยู่ ทั้งพฤติกรรมและการวางตัว เพราะพี่เอ็กซ์เขาเป็นคนขี้หึง
รองเท้ากีฬา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น